ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ธรรมชาติ ที่สาว ๆ อาจไม่เคยรู้ มีอะไรบ้าง? เชื่อได้ว่าเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัยและต้องการทราบคำตอบ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าปัญหากลิ่นเหม็นจากช่องคลอดนั้นเป็นเรื่องปกติที่คุณผู้หญิงทุก ๆ คนสามารถพบเจอได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่ได้เป็นกลิ่นเหม็นที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ปกติ แต่ระดับความรุนแรงของกลิ่นช่องคลอดของคุณผู้หญิงแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือหาวิธีแก้ไขอย่างเร่งด่วน จะมีวิธีใดบ้างนั้น Rejavoo Clinic รวบรวมคำตอบมาฝากแล้วค่ะ
ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น วิธีแก้ธรรมชาติ ที่ควรนำมาใช้มีอะไรบ้าง มาดูกัน!!
ต้องบอกก่อนว่า กลิ่นไม่พึงประสงค์จากช่องคลอดอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น สุขอนามัย การอักเสบ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ในบางกรณีอาจดูแลรักษาได้ด้วยตนเอง แต่ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อเข้าตรวจสอบหาสาเหตุและรับคำแนะนำในการรักษาอย่างเหมาะสม
ซึ่งโดยทั่วไปภายในช่องคลอดจะมีทั้งแบคทีเรียชนิดที่ดีและชนิดไม่ดี ซึ่งแบคทีเรียที่ดี ยกตัวอย่างเช่น แลคโตบาซิลัส (Lactobacillus) ที่ช่วยให้ภายในช่องคลอดมีภาวะเป็นกรดอ่อน ๆ และช่วยให้แบคทีเรียชนิดที่ไม่ดีไม่สามารถเจริญเติบโตมากจนเกินไปได้ แต่ในทางกลับกัน หากแลคโตบาซิลลัสมีจำนวนลดลง ทำให้แบคทีเรียชนิดไม่ดีเจริญเติบโตขึ้น อาจเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อแบคทีเรียจากภายนอกและทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบ (Bacterial Vaginosis) ช่องคลอดมีกลิ่นคาวปลา มีกลิ่นเหม็นได้ ซึ่งควรได้การรักษาโดยเร็วไวเพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้ชีวิต
เปิด 5 สาเหตุ “ช่องคลอดมีกลิ่นคาว” ที่สาว ๆ อาจคิดไม่ถึง
สาว ๆ ทราบหรือไม่ว่าการที่ช่องคลอดของเรามีกลิ่น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงสาเหตุง่าย ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น…
รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศไม่ดีพอ
มีการสะสมของสารคัดหลั่ง หรือจากคราบของประจำเดือน หรือมีกลิ่นช่วงมีประจำเดือนจากการไม่เปลี่ยนผ้าอนามัย กางเกงชั้นในไม่สะอาด
ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัย
ในช่วงที่เป็นประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2 ชั่วโมง ความอับชื้นจะทำให้แบคทีเรียในผ้าเติบโตได้ดีจนคุณอาจจะติดเชื้อในช่องคลอด
เกิดจากการกินอาหารบางชนิดที่ทำให้กลิ่นปนมากับปัสสาวะ
เช่น อาหารทะเลบางชนิด หัวหอม ต้นหอม หรือเครื่องเทศบางชนิด
เกิดจากความอับชื้น
เนื่องจากมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ จึงทำให้ช่องคลอดมีกลิ่น มักเกิดกับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก ใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปมาก หรือใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ไม่ดี
มีการสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้ช่องคลอดมีภาวะเป็นด่าง จำนวนแบคทีเรียที่สร้างกลิ่นจึงสูงขึ้น
เกิดจากการติดเชื้อ
โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของอวัยวะเพศและของช่องคลอด จึงทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นได้ เกิดจากโรคมะเร็งของอวัยวะเพศ เช่น โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก หรือ โรคมะเร็งอวัยวะเพศหญิง
ซึ่งนี่เป็นเพียงสาเหตุส่วนหนึ่งของการเกิดกลิ่นที่บริเวณช่องคลอดเท่านั้น โดยจะเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นที่ไม่เป็นอันตราย กล่าวคือ นอกจากกลิ่นเหม็นที่เกิดจากสาเหตุที่เป็นภาวะปกติแล้ว ก็ยังมีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากภาวะที่เป็นอันตรายต่อช่องคลอดด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากมีปัญหาเรื่องกลิ่น สาว ๆ ไม่ควรนิ่งนอนใจ รีบเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงโดยเร็วที่สุด
3 วิธีแบบธรรมชาติ ช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็นช่องคลอดที่หลายคนกังวลให้หมดไป
1.เน้นการดูแลและทำความสะอาดน้องสาวด้วยวิธีที่ถูกต้อง
กลิ่นของจุดซ่อนเร้น ปัญหาใหญ่ของผู้หญิงที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่ด้วยสภาวะสุขภาพหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างที่ทำให้สาว ๆ หลายคนมีปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์บริเวณจุดซ่อนเร้นทำให้หมดความมั่นใจ แต่ก็ไม่ใช่ว่าปัญหากลิ่นจุดซ่อนเร้นจะแก้ไม่ได้ เพราะถ้าคุณสาว ๆ ทำตามวิธีที่หยิบมาแนะนำช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นกับวิธีแก้ที่จะทำให้กลิ่นเหม็นที่น้องสาวจะจางลงได้อย่างแน่นอน
- ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ
- ล้างเฉพาะภายนอกเท่านั้น ไม่ควรสวนล้างเข้าไปข้างใน และควรล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง
- หลังจากล้างน้ำแล้ว ควรซับให้แห้ง ซับจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรวกกลับมาด้านหน้าอีก
อย่างไรก็ดี การรักษาความสะอาดของช่องคลอดโดยสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการป้องกันกลิ่นผิดปกติ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอดด้วยน้ำอุ่นและสบู่ทุกวัน รวมถึงการใช้ผ้าเปียกหรือผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอ
2.เลือกอาหารที่รับประทานมากขึ้น
เพราะอาหารที่กินเข้าไปนั้นมีทั้งกลิ่น รสชาติและส่วนผสมจะส่งผลทำให้ร่างกายมีการปรับเปลี่ยนปริมาณแบคทีเรีย น้ำตาล และบางครั้งก็ส่งผลกับสารเคมีในร่างกายบางส่วน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการที่ร่างกายขับกลิ่นอาหารบางอย่างออกมา หรืออาจเกิดปฏิกิริยากับร่างกายทำให้เกิดอาการตกขาวซึ่งทำให้เกิดความอับชื้นที่จุดซ่อนเร้นมากกว่าปกติ จนเกิดกลิ่นรุนแรงขึ้นมาได้นั่นเอง
โดยอาหารที่สาว ๆ สามารถรับประทานเพื่อลดปัญหาเรื่องกลิ่นนั้น ก็มีหลากหลายชนิดด้วยกันค่ะ เช่น…
- มันฝรั่ง มันฝรั่งเป็นพืชที่อุดมด้วยเส้นใยอาหารที่จะไม่ถูกย่อยที่กระเพาะอาหาร แต่จะถูกส่งไปเป็นอาหารของเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ดีในร่างกายบริเวณลำไส้ รวมไปถึงจุดซ่อนเร้น ซึ่งเมื่อแบคทีเรียนชนิดที่ดีได้รับอาหารอย่างเพียงพอก็จะมีการเพิ่มจำนวนขึ้นและปรับสมดุลของแบคทีเรียในร่างกายให้กลับมาเป็นปกติค่ะ ทำให้กลิ่นจุดซ่อนเร้นลดลงค่ะ
- กิมจิ อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วว่ากิมจิคืออาหารที่ดีสำหรับสมดุลแบคทีเรียในร่างกาย ด้วยเพราะอุดมด้วยใยอาหาร และแบคทีเรียชนิดที่ดี ซึ่งหากรับประทานเข้าไปแล้ว แบคทีเรียชนิดที่ดีในร่างกายจะเพิ่มขึ้น และช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นจุดซ่อนเร้นที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยล่ะค่ะ
- มิโซะ เครื่องปรุงของญี่ปุ่นที่เรารู้จักกันดี ซึ่งทำจากถั่วเหลืองหมัก เป็นอาหารที่ดีต่อแบคทีเรียนที่ดีในร่างกาย เพราะในมิโซะนั้นมีกรดแลคติก และแบคทีเรียที่ดี เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยเพิ่มจำนวน และปรับสมดุลของแบคทีเรียในร่างกาย อีกทั้งใยอาหารในมิโซะยังสามารถช่วยดูดซึมไขมันที่อยู่ตามลำไส้ ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียชนิดที่ไม่ดีออกจากร่างกายได้อีกด้วย ทำให้กลิ่นจุดซ่อนเร้นลดลงได้
- ผักผลไม้ที่มีกากใยอาหาร เพราะผักผลไม้ต่าง ๆ ที่มีกากใยอาหารซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันท้องผูก แล้วกากใยอาหารยังเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ดี เพื่อให้แบคทีเรียชนิดที่ดีเพิ่มจำนวนมากขึ้น และทำให้บริเวณจุดซ่อนเร้นกลับมามีสมดุลแบคทีเรียที่ดี ทำให้จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นลดลงค่ะ
ทั้งนี้ นอกจากอาหารช่วยลดกลิ่นดังกล่าว สาว ๆ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลให้ช่องคลอดเกิดกลิ่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กระเทียม หัวหอม หน่อไม้ฝรั่ง และแกงกะหรี่ เป็นอาหารที่มีกลิ่นไม่กี่อย่างที่รู้ว่ามีผลต่อกลิ่นของร่างกาย นอกจากนี้ คุณผู้หญิงอาจต้องสังเกตุอาหารเฉพาะถิ่นบางอย่าง เช่น ปลาร้า อาหารหมักดอง อาหารทะเล ฯลฯ ที่อาจทำให้ตกขาวมีกลิ่นมากขึ้นได้เช่นกัน
3.สมุนไพรช่วยลดกลิ่น
จากข้อมูลที่ได้กล่าวมา ทุก ๆ คนคงเห็นแล้วว่า กลิ่นช่องคลอด สามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ เช่น การใช้ชีวิตประจำวันผิด ๆ ไม่ว่าจะเป็น สวนล้างช่องคลอด ทานของหมัก ของดอง จนทำให้ค่าความเป็นกรดด่างในช่องคลอด เสียความสมดุล จึงก่อให้เกิดภาวะตกขาว ที่ผิดปกตินั่นเอง ทั้งนี้นอกจากวิธีรักษาตกขาว ด้วยการใช้ยาเหน็บ ยาสอด ทานยาฆ่าเชื้อแล้ว หนึ่งในวิธีรักษาตกขาว ที่เห็นผลดี และ หลายคนอาจคาดไม่ถึง คือ การใช้สมุนไพรรักษากลิ่นช่องคลอด นั่นเอง
- ว่านชักมดลูก นับเป็นสุดยอดสมุนไพรสำหรับสตรีมาแต่โบร่ำโบราณและเป็นที่นิยมแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากในว่านชักมดลูกมีฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) สำหรับวิธีการอาจเลือกรับประทานว่านชักมดลูกแบบสำเร็จรูป หรือนำว่านชักมดลูกตัวผู้มาหั่นเป็นแว่น นำไปตากแดดแล้วจึงนำมาต้มกินเป็นประจำ จะช่วยบำรุงรักษาและปรับสมดุลเกี่ยวกับระบบภายในของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของมดลูก รังไข่ ทั้งยังช่วยรักษาอาการอักเสบและความผิดปกติในช่องคลอดได้อีกด้วย
- รากสามสิบ สมุนไพรสำหรับผู้หญิงที่ช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง ทั้งยังมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ที่ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา เพื่อฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ภายในช่องคลอด และลดกลิ่นเหม็นและแก้อาการตกขาวได้เป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่แล้วมักนิยมกินสมุนไพรชนิดนี้แบบสำเร็จรูป
- รางจืด จัดอยู่ในกลุ่มพืชที่สรรพคุณช่วยถอนพิษ ต้านเชื้อแบคทีเรียโดยการขับสิ่งไม่พึงประสงค์ออกจากร่างกาย โดยการรับประทานชารางจืด ผงรางจืดละลายกับน้ำ หรือนำส่วนต่าง ๆ ของรางจืด ไม่ว่าจะเป็นใบ ราก เถา มาตำหรือคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำไปต้มดื่ม นอกจากจะช่วยลดเชื้อราในช่องคลอดได้แล้ว ยังช่วยแก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติและบำรุงผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง
อย่างไรก็ตาม นอกจาก 3 วิธีธรนรมชาติที่สาว ๆ สามารถเลือกนำมาปรับใช้แล้ว ก็มีอีกวิธีหนึ่งทางการแพทย์ที่ช่วยได้ค่ะ นั่นก็คือ การทำ รีแพร์ ที่นอกจากจะช่วยแก้ปัญหากลิ่นไม่พึ่งประสงค์ได้แล้ว ยังช่วยกระชับช่องคลอดให้คุณสาว ๆ กลับมามีความมั่นใจมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
รีแพร์ช่องคลอด จาก Rejavoo Clinic
บริการรีแพร์จาก Rejavoo Clinic เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูงในการกระชับผิวที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างแพร่หลาย ซึ่ง Rejavoo Clinic ก็ได้นำจุดโดดเด่นของการรีแพร์ด้วยเทคโนโลยีแบบพิเศษเฉพาะของทางคลินิก ซึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยีรีแพร์ของเราที่เหนือเทคโนโลยีอื่นก็คือ การใช้อัลตราซาวด์ที่มีความเข้มสูง สามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่ค่อนข้างลึกและอยู่ติดกับชั้นกล้ามเนื้อโดยปกติแล้วแพทย์จะผ่าตัดที่ผิวหนังชั้นนี้เพื่อแก้ไขให้ผิวกระชับขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีจาก รีแพร์ของ Rejavoo Clinic ก็สามารถทำให้ผิวและเนื้อเยื่อกระชับได้มีประสิทธิภาพกว่าเทคโนโลยีอื่น ซึ่งจะคอยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอดสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นใหม่ และมีการเรียงตัวที่ดีขึ้น ทำให้ผิวและเนื้อเยื่อที่บริเวณนี้ได้รับการฟื้นฟู และกระชับมากกว่าเดิมนั่นเอง
Rejavoo Clinic คลินิกเพื่อความสวยความงาม ครบทุกวงจร
ผู้นำนวัตกรรมด้านความสวยความที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นด้านผิวพรรณ ด้านการกระชับตามจุดต่าง ๆ และหัตถการฉีดใบหน้า ซึ่งเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย ปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรีแพร์ได้รับความประทับใจและปลอดภัยจากบริการที่มีประสิทธิภาพจากทาง Rejavoo Clinic ให้ได้มากที่สุด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทำรีแพร์อยู่ได้นานไหม ดูแลตัวเองยังไงให้ผลลัพธ์อยู่นานขึ้น?
รีแพร์ช่องคลอด ก่อน-หลังรีแพร์แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
5 อาการหลังทํารีแพร์ที่ควรระวัง หากดูแลไม่ดีส่งผลอันตรายได้
ปรึกษาเพิ่มเติม สอบถามคิว นัดจองคิว
บทความที่น่าสนใจ
ฉีดโบท็อก กินปลาร้าได้ไหม หากเผลอกินเข้าไปจะเกิดอันตรายหรือเปล่า
ฉีดโบท็อก หน้าไม่เท่ากัน ปรับสัดส่วน แก้ให้จึ้ง ทำให้ถึง ที่ Rejavoo
หลังฉีดโบท็อก ห้ามกินอะไรบ้าง ของกิน 4 อย่างที่ควรงด!!
หลังฉีดโบท็อก แต่งหน้าได้ไหม ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะแต่งได้ปกติ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช้ำม่วง เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ แก้ยังไงดี
ฟิลเลอร์ละลาย เพราะอากาศร้อน เกิดขึ้นได้มั้ย มาไขข้อสงสัยกัน!
ทำรีแพร์อยู่ได้นานไหม? อยากให้ความฟิตอยู่นานๆ ดูแลยังไงดี
ช่องคลอดหลวม หลังคลอด คุณแม่หนักใจ ทำยังไงให้ฟิตเหมือนเดิม?
ฉีด โบ ท็ อก แล้วปากเบี้ยว แก้ ยัง ไง เป็นผลข้างเคียงอันตรายที่ต้องหาหมอหรือเปล่า?