ช่องคลอดอักเสบ อาการที่เหมือนไกลตัว แต่สาว ๆ ทราบหรือไม่ว่าเป็นความผิดปกติที่พบได้บ่อยมาก ๆ และหลาย ๆ คนจะไม่รู้ตัวเองหากไม่ได้สังเกต ซึ่งอาการเบื้องต้นมักเป็นตกขาวผิดปกติ คัน กลิ่น ไปจนถึงตกขาวปนเลือด ซึ่งจากที่เห็น ว่าอาการมักมาในรูปแบบของสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กว่าจะรู้ตัว ก็กลายเป็นว่าช่องคลอดเกิดการอักเสบไปซะแล้ว อย่างไรก็ตาม จากที่ได้บอกไปว่านี่เป็นเพียงอาการเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีอาการที่รุนแรงขึ้นอีกหากไม่รักษาให้หาย ในบทความนี้ Rejavoo Clinic จึงรวบรวมคำตอบมาฝากค่ะ
ช่องคลอดอักเสบ เกิดจากอะไร อันตรายต่อสาว ๆ อย่างไรบ้าง?
จากที่ได้บอกไปว่าคุณผู้หญิงหลายท่านคิดว่าอาการช่องคลอดหรือปากช่องคลอดเกิดการอักเสบเป็นเรื่องไกลตัว แต่ต้องบอกก่อนว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิดและที่แย่กว่านั้นคือภาวะอาการที่แสดงมักจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติ นั่นคือ “ตกขาว” ซึ่งในช่วงแรกจะเริ่มมีกลิ่นและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มเจ็บช่องคลอดเนื่องจากเกิดการอักเสบจากแบคทีเรียที่ไม่สมดุล
ช่องคลอดมีภาวะอักเสบ คือ…
สำหรับภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) เป็นอาการอักเสบซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ทำให้เกิดอาการระคายเคือง คัน และมีตกขาวผิดปกติ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงทุกช่วงวัย และเป็นสาเหตุของภาวะตกขาวผิดปกติที่พบบ่อยที่สุดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปในช่องคลอดจะมีทั้งแบคทีเรียชนิดที่ดีและไม่ดีอาศัยอยู่โดยไม่ทำให้เกิดโรค แต่ถ้ามีแบคทีเรียชนิดที่ไม่ดีมากจนเกินไปจะทำให้ช่องคลอดเสียสมดุลและเกิดภาวะนี้ได้ อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะนี้ขึ้นมีหลายอย่าง ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นตามมาดูไปพร้อม ๆ กันค่ะ
ช่องคลอดอักเสบ สาเหตุ เกิดจากอะไรได้บ้าง?
แม้ภาวะนี้จะไม่สามารถระบุปัจจัยเสี่ยงได้อย่างแน่ชัด แต่มักสัมพันธ์กับปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น…
- การสวนล้างช่องคลอด
- คุมกำเนิดโดยการใส่ห่วงอนามัย
- อาจเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรืออาหารบางอย่าง เช่น ของหมักดอง ของคาวจัด
- การสวมกางเกง กระโปรง ที่รัดแน่นจนเกินไป
- การใช้แผ่นอนามัยที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
- การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ
- การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
ช่องคลอดเกิดการอักเสบ อาการ เป็นอย่างไร?
ลักษณะตกขาวจะมีสีขาวเนียนปนสีเทาอ่อนมีกลิ่นเหม็นอับคล้ายกลิ่นคาวปลาเค็ม กลิ่นมักจะรุนแรงหลังการร่วมเพศหรือหลังหมดระดูใหม่ๆ ระดับความรุนแรงของกลิ่นแตกต่างกันไป บางคนไม่มีกลิ่น บางคนมีกลิ่นแรงจนคนข้างเคียงได้กลิ่น อาจมีอาการระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด และเจ็บช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์
ช่องคลอดอักเสบหายเองได้ไหม รักษาอย่างไรดี?
เนื่องจากอาการ Bacterial Vaginosis สามารถหายไปได้เอง หากผู้ป่วยไม่มีอาการใด ๆ ที่เป็นปัญหาและไม่ได้ตั้งครรภ์ก็อาจไม่จำเป็นต้องรับการรักษา อย่างไรก็ตามตามปกติอาการของ Bacterial Vaginosis ไม่ได้ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนใด ๆ แต่อาจมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้
ดังนั้น เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นอีกสาว ๆ ควรใช้ยาตามที่แพทย์สั่งและไม่ควรหยุดใช้ยาด้วยตัวเองหากยังไม่ครบกำหนดเวลาตามที่แพทย์กำหนด เพราะอาจเสี่ยงเกิดอาการดื้อยาได้ ซึ่งหลังการรักษา 3-12 เดือน อาจกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งได้ โดยแพทย์อาจรักษาต่อด้วยการให้ใช้ยาเมโทรนิดาโซลในระยะยาว และอาจต้องรักษากับแพทย์นรีเวชอีกด้วย
ช่องคลอดอักเสบ กิน ยา อะไร?
อย่าไรก็ดี จากที่ได้บอกไปว่า อาการ Bacterial Vaginosis สามารถหายไปได้เอง หากผู้ป่วยไม่มีอาการใด ๆ ที่เป็นปัญหาและไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็อาจไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ในรายที่มีอาการแพทย์จะทำการรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น
- ยา Metronidazole ชนิดรับประทาน นาน 7 วัน 0.75%
- ยา Metronidazole gel ทาในช่องคลอดวันละครั้ง นาน 5 วัน 2 %
- ยา Clindamycin cream ทาในช่องคลอดวันละครั้งก่อนนอน นาน 7 วัน
ทั้งนี้ ข้อควรรู้อีกอย่างหนึ่งคือ สำหรับสตรีมีครรภ์นั้นอาจต้องเข้าพบสูติแพทย์ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
แนวทางป้องกันภาวะช่องคลอดเกิดการอักเสบไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำ
สำหรับแนวทางการป้องกันเบื้องต้นนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มต้นได้ ดังนี้…
- ไม่สวนล้างช่องคลอดหรือใช้น้ำยาล้างโดยไม่จำเป็น ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยตลอดเวลา
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย ถ้าจำเป็นควรใช้ถุงยางอนามัย
- หยุดใช้สบู่หรือสเปรย์เฉพาะที่
- พบแพทย์เพื่อตรวจภายในเป็นประจำตามนัด
- รับประทานยาหรือ/และสอดยา รวมถึงทายาตามแผนการรักษา
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีอาการ คุณผู้หญิงควรใช้แผ่นอนามัยเฉพาะช่วงวันที่มีประจำเดือน หลีกเลี่ยงการใส่กระโปรง หรือกางเกงรัดรูป ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ ควบคุมน้ำหนักตามเกณฑ์ที่กำหนด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เนื่องจากไขมันเป็นสารตั้งต้นของการเกิดโรคหลายชนิด อาทิ มะเร็งไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น
รักษาช่องคลอดอักเสบด้วยตัวเอง ที่สาว ๆ ควรรู้
ตกขาวผิดปกติที่เกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ควรใช้ยารักษาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดอย่างไรก็ตามหากมีการละเลยไม่รีบหาทางรักษาอาจเกิดภาวะอื่นตามมาได้ เช่น เสี่ยงเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนช่วงตั้งครรภ์เช่น การคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวของทารกน้อยกว่าปกติ เป็นต้น
ทั้งนี้ การดูแลความสะอาดร่างกายตัวเองจะช่วยลดการเกิดภาวะนี้ลงได้ รวมทั้งการสังเกตตัวเองเป็นประจำจะทำให้รู้ทันการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดได้รวดเร็วขึ้นเพื่อจะได้หาหนทางรักษาต่อไป แต่หากความผิดปกติที่เกิดขึ้นเริ่มรุนแรงจนส่งผลกระทบในการดำเนินชีวิตควรรีบปรึกษาแพทย์ก่อนที่ภาวะนี้จะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นตามมาด้วย
รีแพร์ช่องคลอด จาก Rejavoo Clinic
บริการรีแพร์จาก Rejavoo Clinic เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูงในการกระชับผิวที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างแพร่หลาย ซึ่ง Rejavoo Clinic ก็ได้นำจุดโดดเด่นของการรีแพร์ด้วยเทคโนโลยีแบบพิเศษเฉพาะของทางคลินิก ซึ่งจุดเด่นของเทคโนโลยีรีแพร์ของเราที่เหนือเทคโนโลยีอื่นก็คือ การใช้อัลตราซาวด์ที่มีความเข้มสูง สามารถลงลึกได้ถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่ค่อนข้างลึกและอยู่ติดกับชั้นกล้ามเนื้อโดยปกติแล้วแพทย์จะผ่าตัดที่ผิวหนังชั้นนี้เพื่อแก้ไขให้ผิวกระชับขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีจาก รีแพร์ของ Rejavoo Clinic ก็สามารถทำให้ผิวและเนื้อเยื่อกระชับได้มีประสิทธิภาพกว่าเทคโนโลยีอื่น ซึ่งจะคอยกระตุ้นให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอดสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินขึ้นใหม่ และมีการเรียงตัวที่ดีขึ้น ทำให้ผิวและเนื้อเยื่อที่บริเวณนี้ได้รับการฟื้นฟู และกระชับมากกว่าเดิมนั่นเอง
Rejavoo Clinic คลินิกเพื่อความสวยความงาม ครบทุกวงจร
ผู้นำนวัตกรรมด้านความสวยความที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นด้านผิวพรรณ ด้านการกระชับตามจุดต่าง ๆ และหัตถการฉีดใบหน้า ซึ่งเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย ปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการรีแพร์ได้รับความประทับใจและปลอดภัยจากบริการที่มีประสิทธิภาพจากทาง Rejavoo Clinic ให้ได้มากที่สุด
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทำรีแพร์อยู่ได้นานไหม ดูแลตัวเองยังไงให้ผลลัพธ์อยู่นานขึ้น?
รีแพร์ช่องคลอด ก่อน-หลังรีแพร์แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
5 อาการหลังทํารีแพร์ที่ควรระวัง หากดูแลไม่ดีส่งผลอันตรายได้
ปรึกษาเพิ่มเติม สอบถามคิว นัดจองคิว
บทความที่น่าสนใจ
ฉีดโบท็อก กินปลาร้าได้ไหม หากเผลอกินเข้าไปจะเกิดอันตรายหรือเปล่า
ฉีดโบท็อก หน้าไม่เท่ากัน ปรับสัดส่วน แก้ให้จึ้ง ทำให้ถึง ที่ Rejavoo
หลังฉีดโบท็อก ห้ามกินอะไรบ้าง ของกิน 4 อย่างที่ควรงด!!
หลังฉีดโบท็อก แต่งหน้าได้ไหม ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะแต่งได้ปกติ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช้ำม่วง เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ แก้ยังไงดี
ฟิลเลอร์ละลาย เพราะอากาศร้อน เกิดขึ้นได้มั้ย มาไขข้อสงสัยกัน!
ทำรีแพร์อยู่ได้นานไหม? อยากให้ความฟิตอยู่นานๆ ดูแลยังไงดี
ช่องคลอดหลวม หลังคลอด คุณแม่หนักใจ ทำยังไงให้ฟิตเหมือนเดิม?
ฉีด โบ ท็ อก แล้วปากเบี้ยว แก้ ยัง ไง เป็นผลข้างเคียงอันตรายที่ต้องหาหมอหรือเปล่า?